วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เมื่อชำระเบี้ยประกันไปแล้ว  จะขอเงินคืนอย่างไร จึงจะได้ประโยชน์สูงสุด
ช่วงนี้มีข่าวเกี่ยวกับความมั่นคงของสถาบันการเงินอย่าง AIG  ทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนลดน้อยลงแห่กันไปยกเลิกกรมธรรม์ประกันชีวิต  ทนายคลายทุกข์จึงหาข้อมูลเกี่ยวกับถ้าต้องการขอเงินคืน  แต่ชำระเบี้ยประกันไปแล้ว ต้องทำอย่างไรจึงจะได้ประโยชน์สูงสุด

สามารถใช้วิธีเวนคืนเงินสด
 วิธีนี้ผู้ทำประกัน   ปิดกรมธรรม์   ไม่ส่งเบี้ยประกันแล้ว สัญญาคุ้มครองต่างๆสิ้นสุดเงินสดที่ได้รับคืน จะมากขึ้นเรื่อยๆตามปีที่ส่งเบี้ยประกัน
วิธีคิดจำนวนเงินที่รับคืน
ทุนประกัน คูณด้วยมูลค่าเวนคืนเงินสดหารด้วย1000

สามารถใช้วิธีใช้เงินสำเร็จ
วิธีนี้ผู้ทำประกันหยุดส่งเบี้ยประกัน  ความคุ้มครองเกิด
จะมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตระหว่างอายุกรมธรรม์ที่เหลือจะได้รับเงิน ตามตารางที่กำหนดไว้ ยิ่งนานได้รับคืนมากขึ้น
วิธีคิดจำนวนเงินที่รับคืน
ทุนประกัน คูณด้วยมูลค่าใช้เงินสำเร็จหารด้วย1000

สามารถใช้วิธีขยายเวลา
วิธีนี้ผู้ทำประกัน หยุดส่งเบี้ยประกันได้ประโยชน์สูงสุดในด้านการคุ้มครอง
วิธีที่1 หากเสียชีวิตในช่วงขยายเวลา จ่ายตามทุนประกันเดิม มีชีวิตอยู่ครบช่วงขยายเวลา ไม่ได้รับอะไร
วิธีที่2 หากเสียชีวิตในช่วงขยายเวลา จ่ายตามทุนประกันเดิม
มีชีวิตอยู่ครบช่วงขยายเวลา ได้รับเงินสะสมเมื่อครบสัญญา
วิธีคิดจำนวนเงินที่รับคืน
ทุนประกัน คูณด้วยมูลค่าเงินสะสมหารด้วย1000

ผู้ได้รับผลประโยชน์
สามี ภรรยา(ทำให้กันได้ทั้งสองฝ่าย บิดา มารดา  กับ บุตร (ทำให้กันได้ทั้งสองฝ่าย)

บุคคลที่ทำสัญญาได้
บุคคลที่บรรลุนิติภาวะแล้ว(มีอายุ 20 ปี บริบูรณ์) โดยการสมรสเมื่อมีอายุครบ 17 ปี บริบูรณ์  ผู้เยาว์ต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครอง

ข้อยกเว้นที่บริษัทประกันไม่ต้องจ่ายผลประโยชน์
ฆ่าตัวตายภายใน 1 ปีหลังจากทำประกัน   ถูกผู้รับผลประโยชน์ฆ่าตาย  สัญญาเป็นโมฆียะ

ผลประโยชน์อื่นๆ จากการทำประกันชีวิต
สามารถนำไป หักลดหย่อนภาษีได้ สูงสุด 50,000 บาท
(ต้องตรวจดูให้ละเอียดว่า อายุกรมกรมธรรม์ต้อง 10 ปีขึ้นไป
เบี้ยประกันที่ส่งตลอดปีภาษี จึงจะนำไปหักลดหย่อนได้)
นำกรมธรรม์ ไปใช้ค้ำประกันการกู้เงิน
นำกรมธรรม์ ไปใช้ประกันผู้ต้องหาได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก  www.tahitech.com เพื่อประกอบข้อมูลสาธารณะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น